การค้นหาขั้นสูง

หมวดหมู่
ตราสัญลักษณ์
ตราสัญลักษณ์
ตราสัญลักษณ์กองโลจิสติกส์ Drownload : https://drive.google.com/drive/folders/1RWBiXGOgUb0k-L2QGZrx5Bi-a8-bazGd?usp=sharing
11 พ.ย. 2564
เกี่ยวกับ กองโลจิสิติกส์
เกี่ยวกับ กองโลจิสิติกส์
รู้จักกับโลจิสติกส์และซัพพลายเชน https://www.youtube.com/watch?v=oaIaeDPeNn4
11 พ.ย. 2564
กิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน ด้วยระบบสารสนเทศโลจิสติกส์ ประจำปี 2565
กิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน ด้วยระบบสารสนเทศโลจิสติกส์ ประจำปี 2565
. กลุ่มสารสนเทศน์โลจิสติกส์ กองโลจิสติกส์ กระทรวงอุตสาหกรรม ขอเชิญสถานประกอบการสมัครเข้าร่วมกิจกรรม ส่งเสริมและพัฒนาการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน ด้วยระบบสารสนเทศโลจิสติกส์ ประจำปี 2565 . . ลงทะเบียน: วันนี้ - 21 ตุลาคม 2564 เข้าร่วมได้ ฟรี!! ไม่มีค่าใช้จ่าย . . กลุ่มเป้าหมาย 1. ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ 2. ผลิตภัณฑ์ยาง 3. สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม 4. เวชภัณฑ์และเครื่องสำอางค์ 5. อาหารแปรรูป 6. ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ (LSP) . คุณสมบัติ 1. สถานประกอบการที่จดทะเบียนนิติบุคคล 2. อยู่ในพื้นที่กรุงเทพ และปริมณฑล . สิ่งที่สถานประกอบการจะได้รับจากการเข้าร่วมโครงการ - ได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ไม่น้อยกว่า 6 Man-day - ติดตั้งและใช้งานโปรแกรมประยุกต์ในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้อง พร้อมคู่มือในรูปแบบสื่อวีดิทัศน์ . . . . สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กองโลจิสติกส์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม 02 202 4540 กลุ่มสารสนเทศโลจิสติกส์ คุณภาณุพงศ์(ไผ่) 087 304 7573
11 ต.ค. 2564
การคำนวนต้นทุนโลจิสติกส์ในภาคอุตสาหกรรม
การคำนวนต้นทุนโลจิสติกส์ในภาคอุตสาหกรรม
การวิเคราะห์ต้นทุนด้านโลจิสติกส์ในภาคอุตสาหกรรม การวิเคราะห์ต้นทุนรวมในงานด้านโลจิสติกส์เป็นสิ่งสำคัญในการจัดการโลจิสติกส์ โดยมีแนวคิดด้วยการลดต้นทุนรวมจากการลดต้นทุนในหลายๆกิจกรรม เนื่องจากการที่มุ่งลดต้นทุน เพียงกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งเพี่ยงอย่างเดียวอาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนของกิจกรรมอื่นให้สูงขึ้นได้ เช่น การ มีศูนย์กระจายสินค้าจำนวนน้อยสามารถช่วยลดต้นทุนในการเก็บสินค้าและต้นทุนคลังสินค้า แต่จะส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายในการขนส่งเพิ่มมากขึ้น หรืออาจกระทบต่อยอดขายเนื่องจากระดับ การบริการลูกค้าที่ลดลง ในทำนองเดียวกันการลดค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อโดยการซื้อสินค้าเป็น จำนวนมากในแต่ละครั้งก็จะทำให้ต้นทุนการดูแลสินค้าเพิ่มขึ้น เป็นต้น ดังนั้นเรามาทำความรู้จักกการวิเคราะห์ต้นทุนโลจิสติกส์ในภาคอุตสาหกรรมว่าเป็นอย่างไรบ่าง เพื่อที่เราจะสามารถนำไปวิเคราะห์ต้นทุนในองค์ของเราได้เรามาทำความรู้จักกันเลย.. ต้นทุนโลจิสติกส์ หมายถึง ต้นทุนที่เกิดจากกิจกรรมต่างๆ ด้านโลจิสติกส์ในสถานประกอบการ เพื่อก่อให้เกิดการเคลื่อนย้าย การจัดเก็บ การรวบรวม และการกระจายสินค้า วัตถุดิบ ชิ้นส่วนประกอบ และการบริการให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด โดยคำนึงถึงความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ โครงสร้างของต้นทุนโลจิสติกส์ ทั้งนี้ต้นทุนโลจิสติกส์นั้นสามารถแบ่งออกเป็นประเภท ได้ 4 ประเภท ดังนี้ 1.ต้นทุนการขนส่ง (Transportation Cost) ต้นทุนที่เกิดจากกิจกรรมการขนส่งและบริการซึ่งต้นทุนเหล่านี้ยังผันแปรไปตามปริมาณการขนส่ง น้ำหนัก ระยะทาง จุดหมายปลายทาง รวมไปถึงวิธีการขนส่งที่ก่อให้เกิดต้นทุนที่แตกต่างกัน 2. ต้นทุนคลังสินค้า (Warehousing Costs) ต้นทุนที่เกิดจากกิจกรรมภายในคลังสินค้าและการจัดเก็บสินค้า การถ่ายโอนข้อมูลในคลังสินค้า การเลือกสถานที่ตั้ง เช่น โรงงาน คลังสินค้า ซึ่งจะแปรผันไปตามชนิดและปริมาณของสินค้า 3. ต้นทุนในการเก็บรักษาสินค้าคงคลัง (Inventory Carrying Cost) ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรักษาสินค้าคงคลัง ซึ่งจะผันแปรไปกับปริมาณของสินค้าคงคลังและทำให้เกิดต้นทุนด้านต่าง ๆ อีก เช่น ต้นทุนเงินทุน (Capital Cost) และต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) ต้นทุนในการดูแลสินค้าได้แก่ ค่าประกันภัย และภาษี ต้นทุนพื้นที่การจัดเก็บสินค้า ได้แก่ ต้นทุนด้านสถานที่ซึ่งสัมพันธ์กับปริมาณของสินค้า ต้นทุนความเสี่ยงในการจัดเก็บสินค้า ได้แก่ ความล้าสมัย การลักขโมย 4. ต้นทุนการบริหาร (Administration Cost) เกิดจากกิจกรรมหลัก 3 ประเภท คือ ระดับการให้บริการ (Customer Service Level) เป็นเงินที่จ่ายไปเพื่อสนับสนุนการบริการลูกค้า เช่น ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการทำให้คำสั่งซื้อสมบูรณ์ ต้นทุนกระบวนการสั่งซื้อและระบบสารสนเทศ (Order Processing and Information Costs) ได้แก่ ต้นทุน ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสั่งซื้อ การกระจายการติดต่อสื่อสาร และการพยากรณ์อุปสงค์ ต้นทุนปริมาณ (Lot Quantity Cost) ซึ่งโดยหลักการแล้วจะขึ้นอยู่กับปริมาณสินค้าที่จัดซื้อจัดหาและผลิต เราสามารถคำนวนต้นทุนโลจิสติกส์ภาคอุตสาหกรรมมีขั้นตอนในการวิเคราะห์ข้อมูลดังนี้ Step 1. ศึกษาขอมูลของตนทุนโลจิสติกสใน กรอบกวาง ๆ 1.1 แบงประเภท และประมวลผลคาใชจายที่เกี่ยวกับงานโลจิสติกส์อยางงาย โดยใชขอมูลจากในบันทึกบัญชีหรือใบสลิป (คาใชจ่ายด้านบุคลากร, คาใชจายด้านการจัดสง , คาใชจายด้านการเก็บรักษา ฯลฯ) 1.2 คาใชจายในงานโลจิสติกสที่บริษัทดำเนินการเองที่คอนขางซับซอนยากตอการแบงประเภทหรือประมวลผล โดยหลักการแล้วจะใชการประเมิน (การคาดคะเน) สวนรายจายดานโลจิสติกสที่เกดจากการจัดจางจะใชขอมูลรายจายจริง Step 2. ศึกษาขอมูลของตนทุนโลจิสติกสจาก งบกําไรขาดทุน 2.1 วิเคราะหตนทุนตามกิจกรรมดานโลจิสติกส์ที่เกิดขึ้นจริง โดยใชขอมูลที่เกี่ยวของกับกิจกรรมดานโลจิสติกส์ 2.2 จะแตกตางจาก Step 1 เปนอยางมาก ในขอที่วาเปน การคํานวณขอมูลตนทุนจาก “งบกําไรขาดทุน ” 2.3 จัดทําตารางขอมูลที่เกี่ยวของกับกิจกรรมโลจิสติกส์ เชน จํานวนผูปฏิบัติงานโลจสติกส์ จํานวนรถที่ใชในงานโลจิสติกส พื้นที่ที่เกี่ยวของกับงานโลจิสติกส์ ฯลฯ Step 3. ศึกษาขอมูลของตนทุนโลจิสติกสโดย จําแนกตามลักษณะการปฏิบัติงาน 3.1 เปนวิธีการเก็บขอมลตูนทุนโลจสติกสตามหัวข้อการปฏิบัติงาน เชน การรับคำสั่งซื้อ การรับเขาสินค้า การตรวจสินคา การหยิบ ฯลฯ ซึ่งจะละเอียดกวาใน Step 2 3.2 จัดทําตารางเวลาปฏิบัติงานตามรายบุคคล (จําแนกตาม ลักษณะการปฏบิัติงาน) และตารางพื้นที่จําแนกตาม ลักษณะการปฏบิัติงาน Step 4. ศึกษาขอมูลตนทุนโลจิสติกสตามวัตถุประสงคของการนําไปประยุกต์ใช โดยใชขอมูลที่ไดจาก Step 3 4.1 เปนวิธีการเก็บขอมลตูนทุนโลจสติกสตามวัตถุประสงค การนาขอมูลไปประยุกตใช เชน จําแนกตามสินคา หรือจําแนกตามกลุมสินคา ฯลฯ โดยใชตนทุนโลจิสติกสที่คํานวณไดใน Step 3 4.2 ในบางกรณีตองใชขอมูลของมูลคาการสงมอบสินคา หรือจํานวนชิ้นที่มีการสงมอบ ขึ้นอยูกับวัตถุประสงค ของการนําขอมลไปประยุกตใช้ ตัวอย่าง ตารางการวิเคราะห์ต้นทุนโลจิสติกส์ภาคอุตสาหกรรม 1. ตารางการคำนวนต้นทุนการขนส่ง (Transportation Cost) 2. ตารางการคำนวนต้นทุนคลังสินค้า (Warehousing Costs) 3. ตารางการคำนวนต้นทุนในการเก็บรักษาสินค้าคงคลัง (Inventory Carrying Cost) 4. ตารางการคำนวนต้นทุนการบริหาร (Administration Cost) 5. ตารางการคำนวนต้นทุนโลจิสติกส์รวม การศึกษาสถานการณ์ต้นทุนโลจิสติกส์อุตสาหกรรม: กรณีศึกษาต้นทุนการถือครองสินค้า (Inventory Carrying Cost) การศึกษาการคำนวณต้นทุนการถือครองสินค้าใช้แนวทางการคำนวณต้นทุนโลจิสติกส์ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งขาติ คำนวณต้นทุนการถือครองสินค้า 4 ประเภท ได้แก่ วัตถุดิบ สินค้าระหว่างผลิต สินค้าสำเร็จรูป และสินค้าที่ซื้อมาจำหน่ายในสภาพเดิม จากนั้นทำการเปรียบเทียบต้นทุนที่คำนวณได้ของแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม พร้อมทำการวิเคราะห์ โดยสามารถจำแนกตามประเภทอุตสาหกรรมได้ดังนี้ จากตาราพบว่าต้นทุนการถือครองสินค้าของภาคอุตสาหกรรมมีมูลค่า 391,141.79 ล้านบาท เมื่อพิจารณาองค์ประกอบของต้นทุนการถือครองสินค้า พบว่าประกอบด้วย 4 ต้นทุนหลักเรียงลำดับตามมูลค่าต้นทุน ได้แก่ (1) ต้นทุนการถือครองวัตถุดิบและวัสดุประกอบ (Raw Materials and Components: RM) มีมูลค่า 211,088.64 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 54 ของต้นทุนทั้งหมด (2) ต้นทุนการถือครองสินค้าสำเร็จรูป (Finished Goods: FG) มีมูลค่า 115,480.85 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 29 ของต้นทุนทั้งหมด (3) ต้นทุนการถือครองสินค้าระหว่างผลิต (Work in Process: WIP) มีมูลค่า 57,580.66 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 15 ของต้นทุนทั้งหมด และ (4) ต้นทุนการถือครองสินค้าที่ซื้อมาจำหน่ายในสภาพเดิม (Goods Purchased for Resales: GPFR) มีมูลค่า 6,991.64 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2 ของต้นทุนทั้งหมด ตามลำดับ แสดงดังภาพ เมื่อเปรียบเทียบกับมูลค่าต้นทุนการถือครองสินค้าของประเทศ ที่มีมูลค่า 0.8249 ล้านล้านบาท พบว่าต้นทุนการถือครองสินค้าของภาคอุตสาหกรรม คิดเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 47.42 ของต้นทุนการถือครองสินค้าของประเทศ เมื่อพิจารณาตามหมวดย่อยอุตสาหกรรม พบว่าอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าต้นทุนการถือครองสินค้าสูงสุดได้แก่ (10) การผลิตผลิตภัณฑ์อาหาร มีมูลค่า 69,273.19 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 17.71 ของต้นทุนทั้งหมด รองลงมา ได้แก่ (29) การผลิตยานยนต์ รถพ่วง และรถกึ่งพ่วง มีมูลค่า 50,516.63 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 12.92 ของต้นทุนทั้งหมด (26) การผลิตผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ที่ใช้ในทางทัศนศาสตร์ มีมูลค่า 37,412.16 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.56 ของต้นทุนทั้งหมด (22) การผลิตผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก มีมูลค่า 33,931.37 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 8.67 ของต้นทุนทั้งหมด และ (20) การผลิตเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี มีมูลค่า 24,781.59 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 6.34 ของต้นทุนทั้งหมด ตามลำดับ ที่มา : ตางรางการเก็บต้นทุนโลจิสติกส์ กองโลจิสติกส์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม : สํานักงาน SMEs (The Small and Medium Enterprise Agency) : กองยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ : สำมะโนอุตสาหกรรม พ.ศ. 2560 ทั่วราชอาณาจักร สำนักงานสถิติแห่งชาติ
26 ส.ค 2564
ิกิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้การเสริมสร้างความร่วมมือด้านโลจิสติกส์และ โซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรม
ิกิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้การเสริมสร้างความร่วมมือด้านโลจิสติกส์และ โซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรม
ขอเชิญบุคลากรในสุถานประกอบการร่วม "กิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้การเสริมสร้างความร่วมมือด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรม ปีงบประมาณ 2564" โดย กองโลจิสติกส์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม อบรมความรู้ เพื่อนำไปปรับใช้ในภาคอุตสาหกรรม (ฟรี) และผู้ให้ความสนใจทั่วไป เพื่อนำไปประยุคใช้ในชีวิตประจำวัน ลงทะเบียน กิจกรรมเสริมสร้างความร่วมมือด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน (ท่านสามารถเลือกได้หลายหัวข้อตามความต้องการ) คลิ๊กเลย : https://forms.gle/GQUJ5PHp7Zsd2fNL6 การจัดกิจกรรมในระหว่างวันที่ 31 ส.ค. 2564 และ, 1, 7, 8, 10 ก.ย. 2564 เวลา : 9:00-16:00 น. แต่ละวันมี 4 ห้อง รวม 20 ห้อง หัวข้อสัมมนาหลากหลายไม่ซ้ำกัน สามารถเลือกเข้าได้ตามความต้องการโดยท่านสามารถเข้าร่วมรับฟังและรับชมผ่านได้ทาง Zoom Online ด้วยการลงทะเบียน และเข้าคลิกลิ้งค์บนแบบลงทะเบียน เพื่อเลือกเข้าห้องต่างๆทั้ง 20 ห้อง ตลอดทั้ง 5 วัน :* กรุณาให้ข้อมูลที่ครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อประโยชน์ของท่านเองในการเข้ารับฟังและรับชม และขอรับข้อมูลภายหลัง *
23 ส.ค 2564
ขอเชิญผู้ประกอบการและผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมกิจกรรมเรียนรู้ออนไลน์การจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานภาคอุตสาหกรรมอย่างมืออาชีพ
ขอเชิญผู้ประกอบการและผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมกิจกรรมเรียนรู้ออนไลน์การจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานภาคอุตสาหกรรมอย่างมืออาชีพ
ขอเชิญผู้ประกอบการและผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมกิจกรรมเรียนรู้ออนไลน์การจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานภาคอุตสาหกรรมอย่างมืออาชีพ ระหว่างวันที่ 1-14 กันยายน 2564 6 หลักสูตรครบเครื่องเรื่องโลจิสติกส์ พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากภาคอุตสาหกรรมชั้นนำ(สมัครได้มากกว่า 1 หลักสูตร) ✅1. หลักสูตร "Planning"วันที่ 1, 4 กันยายน 2564 โดย อาจารย์จิรภัทร ธนโชติกีรติ✅2. หลักสูตร “Lean Strategy” วันที่ 2-3 กันยายน 2564โดย ดร.สุวัฒน์ จรรยาพูน✅3. หลักสูตร “IT Logistics” วันที่ 6-7 กันยายน 2564 โดย อาจารย์สินชัย บงกชศิริกุล✅4. หลักสูตร “Purchasing” วันที่ 8-9 กันยายน 2564 โดย อาจารย์กมลทิพย์ จันทรมัส✅5. หลักสูตร “Warehousing” วันที่ 10-11 กันยายน 2564 โดย ดร.กันติชา บุญพิไล✅6. หลักสูตร “Inventory” วันที่ 13-14 กันยายน 2564 โดย อาจารย์อภิญญา โรจนพานิช สอบถามเพิ่มเติม โทร 097-219-4544id line 0891548101สมัครเลย คลิก!!shorturl.at/hqJX1
19 ส.ค 2564
กิจจกรรมเตรียมความพร้อม SMEs ฝ่าวิกฤติ COVID-19
กิจจกรรมเตรียมความพร้อม SMEs ฝ่าวิกฤติ COVID-19
ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมสัมมนาออนไลน์ฟรีกับ กิจกรรมเตรียมความพร้อม SMEs ฝ่าวิกฤติ COVID-19 ด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรม จัดเต็มกับ 20 หัวข้อ (หัวข้อละ 3 รุ่น) ที่น่าสนใจทางด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนในการฝ่าวิกฤต COVID-19 ไม่ว่าจะเป็น การรับมือกับวิกฤต การเพิ่มประสิทธิภาพกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว กลยุทธ์ในการบริหารและจัดการต้นทุนในสถานการณ์วิกฤต พบกับ วิทยากรผู้เชี่ยวชาญทางด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน จัดโดยกองโลจิสติกส์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ✅ ระหว่างวันที่ 18 สิงหาคม – 15 กันยายน 2564✅ ผ่านระบบออนไลน์ Zoom คลิกลิ้ง https://lin.ee/2WUmVoL หรือ สแกน QR CODEสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมคุณภัทราภรณ์ โทร 087-7989696คุณพันธิตรา โทร 083-0602932
17 ส.ค 2564
กองโลจิสติกส์ขอเชิญสถาน​ประกอบการ​ เข้าร่วมโหลดโปรแกรม​ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ​ในการบริหาร​จัดการ​ด้านโลจิสติกส์
กองโลจิสติกส์ขอเชิญสถาน​ประกอบการ​ เข้าร่วมโหลดโปรแกรม​ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ​ในการบริหาร​จัดการ​ด้านโลจิสติกส์
#กองโลจิสติกส์บอกข่าวดี ในวิกฤตมีโอกาส และโอกาสอยู่ตรงนี้เรามีโปรแกรมดีๆมาให้ผู้ประกอบการได้ใช้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายกองโลจิสติกส์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมขอเชิญสถานประกอบการเข้าร่วมโหลดโปรแกรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ โดยเรามีโปรแกรมให้ดาวน์โหลด 2 โปรแกรมด้วยกัน พร้อมคู่มือการใช้งาน1.โปรแกรมเมขลา : โดยให้คุณพยากรณ์ความต้องการได้อย่างแม่นยำ2.โปรแกรม Stock Management : ช่วยให้คุณบริหารจัดการสต๊อกได้อย่างถูกต้องและแม่นยำสมัครเพื่อเข้าร่วมการดาวน์โหลดโปรแกรมได้ตั้งแต่วันนี้ - วันที่ - 6 กันยายน 2564 (โดยไม่มีค่าใช้จ่าย)https://docs.google.com/.../18VaYCz8eAmPvG7itPuPT.../edit...ติดต่อสอบถาม โทร. 063-191-7842กองโลจิสติกส์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
16 ส.ค 2564
บทความเผยแพร่ความรู้ ด้านการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง เรื่อง: การเพิ่มประสิทธิภาพการวางแผนและการควบคุมสินค้าคงคลัง
บทความเผยแพร่ความรู้ ด้านการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง เรื่อง: การเพิ่มประสิทธิภาพการวางแผนและการควบคุมสินค้าคงคลัง
บทความเผยแพร่ความรู้ ด้านการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง เรื่อง: การเพิ่มประสิทธิภาพการวางแผนและการควบคุมสินค้าคงคลัง ผู้เขียน อ.มงคล พันธุมโกมล ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ "การเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับการบริหารจัดการสินค้าคงคลังเพื่อการบริหารจัดการโลจิสติกส์" ภายใต้กิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการโลจิสติกส์เพื่อการลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ประจำปีงบประมาณ 2564 เมื่อซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วน บรรจุภัณฑ์ หรือสินค้าสำเร็จรูปเข้ามาถือครองไว้ในระบบของสถานประกอบการเพื่อการผลิต การประกอบ หรือการขาย เป็นจุดเริ่มต้นของระยะเวลาการจัดเก็บวัตถุดิบหรือสินค้าคงคลัง จนกระทั่งวัตถุดิบ ชิ้นส่วน บรรจุภัณฑ์ หรือสินค้าดังกล่าว ถูกนำไปผลิต แปรรูป และขายออกไปจากระบบของสถานประกอบการ จึงสิ้นสุดระยะเวลาการเก็บวัตถุดิบหรือสินค้าคงคลัง ระยะเวลาการจัดเก็บวัตถุดิบและสินค้าคงคลัง เป็นผลจากการวางแผนและการปฏิบัติงานร่วมกันตลอดกระบวนการโซ่อุปทาน ตั้งแต่การพยากรณ์ความต้องการของตลาด การพยากรณ์ยอดขาย การวางแผนสินค้าคงคลัง การวางแผนการผลิต การวางแผนความต้องการวัตถุดิบ การวางแผนวัตถุดิบคงคลัง และการวางแผนการจัดซื้อวัตถุดิบ อัตราการนำเข้าและการจ่ายออกของวัตถุดิบที่แตกต่างกันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระดับวัตถุดิบคงคลัง หากอัตราการนำเข้ามามากกว่าการจ่ายออกทำให้ปริมาณการจัดเก็บวัตถุดิบมากขึ้นและมีแนวโน้มของระยะเวลาการจัดเก็บนานขึ้นหากอัตราการนำเข้าน้อยกว่าการจ่ายออกทำให้ปริมาณการจัดเก็บวัตถุดิบน้อยลงและมีแนวโน้มของระยะเวลาการจัดเก็บสั้นลงหรือทำให้วัตถุดิบขาด การวางแผนและการควบคุมระดับของปริมาณวัตถุดิบคงคลังเป็นผลของการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่จัดการนำวัตถุดิบเข้ามาในระบบ(ฝ่ายวางแผนวัตถุดิบและฝ่ายจัดซื้อ) กับหน่วยงานที่นำวัตถุดิบไปใช้งาน (ฝ่ายผลิต) การวางแผนและการควบคุมระดับของปริมาณสินค้าสำเร็จรูปคงคลังเป็นผลของการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่จัดการผลิตสินค้าสำเร็จรูป (ฝ่ายผลิต) และหน่วยงานที่นำสินค้าสำเร็จรูปออกขาย (ฝ่ายขายและฝ่ายจัดการคำสั่งซื้อจากลูกค้า) การจัดการให้เกิดความสมดุลของระดับวัตถุดิบคงคลังและสินค้าคงคลังทั้งระบบเกิดจากการวางแผนและการควบคุม รวมถึงความสามารถในการปรับเปลี่ยนเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่เป็นไปตามคาดหมาย เพื่อสร้างให้เกิดความสมดุลใหม่ การควบคุมระดับคงคลัง คือ การจัดการให้อยู่ในช่วงระดับที่กำหนดต่ำสุดและสูงสุด (Min-Max) ของวัตถุดิบหรือสินค้าสำเร็จรูปแต่ละชนิด จำเป็นต้องทราบข้อมูลพื้นฐาน 5 ประการ สำหรับการวางแผนและการควบคุม ได้แก่ 1. ข้อมูลระดับคงคลังในปัจจุบัน (Current Inventory) 2. ข้อมูลระดับคงคลังสำรองในอนาคตเพื่อความปลอดภัย(Safety Stock) 3. ข้อมูลระยะเวลานำของการเติมวัตถุดิบหรือสินค้าสำเร็จรูป (Lead Time) 4. ข้อมูลพยากรณ์การใช้หรือการขาย (Sales Forecast) และ 5. ข้อมูลปริมาณการเติมวัตถุดิบหรือสินค้าสำเร็จรูปในแต่ละครั้ง (Order Quantity) ผู้ที่ทำหน้าที่จัดทำแผนและควบคุมระดับคงคลังควรกำหนดความถี่ของการวางแผนและการติดตามให้เหมาะสมกับรอบการเติมวัตถุดิบหรือสินค้าแต่ละชนิด ใช้การคำนวณ Re-Order Point มาวิเคราะห์และเตรียมการสำหรับจังหวะการเติมวัตถุดิบหรือสินค้าในจังหวะที่เหมาะสมเพื่อให้ระดับคงคลังอยู่ในระดับเป้าหมายสอดคล้องกับตัวแปรที่ถูกระบุไว้ในแผน การออกแบบตารางคำนวณ Re-Order Point โดยการเปลี่ยนมุมมองจากการติดตามระดับสินค้าเมื่อถึงระดับที่ต้องสั่งซื้อมาเป็นมุมมองของวันที่ที่ต้องสั่งซี้อโดยตารางคำนวณจะแปลงระดับสินค้าคงคลังให้เป็นวันที่ที่ต้องดำเนินการตามตัวแปรที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า ทำให้เข้าใจว่ายขึ้นสำหรับผู้วางแผนและผู้เกี่ยวข้อง การพัฒนาตารางคำนวณ Re-Order Point ใน MS Excel จะช่วยให้ผู้วางแผนสามารถจัดลำดับความสำคัญของสินค้าที่ต้องนำเข้าหรือผลิตเพื่อเติมสินค้าให้อยู่ในระดับเป้าหมายอยู่เสมอ และง่ายต่อการติดตามตรวจสอบสินค้าคงคลังอยู่เป็นประจำ ตัวอย่างตารางคำนวณ Re-Order Point ของสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ การพัฒนาตารางคำนวณ Re-Order Point จะต้องมีความเข้าใจในข้อมูลที่เป็นตัวแปรสำคัญสำหรับการคำนวณ หากมีข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง จะทำให้การวางแผนมีโอกาสผิดพลาดและอาจมีผลกระทบต่อประสิทธิภาพการส่งมอบสินค้าและต้นทุนด้านการจัดการโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ ตารางต่อไปนี้แสดงผลกระทบของอัตราการหมุนเวียนของสินค้าคงคลังเมื่อมีข้อมูลการวางแผนที่ไม่ถูกต้อง เมื่อขาดข้อมูลพื้นฐานได้แก่ : ผลกระทบต่ออัตราการหมุนเวียนของสินค้าคงคลัง 1 ข้อมูลสถานะระดับสินค้าในปัจจุบัน (Current Stock) การคำนวณแผนการสั่งซื้อวัตถุดิบ แผนการผลิต แผนการเติมสินค้าคงคลัง มีโอกาสผิดพลาดทั้งหมด ทำให้ปริมาณคงคลังบางชนิดมากเกินไป และบางชนิดน้อยเกินไปไม่เพียงพอสำหรับการผลิตหรือการขาย 2 ข้อมูลระดับคงคลังสำรอง (Safety Stock) มีแนวโน้มทั้งด้านการเตรียมคงคลังสำรองมากเกินไป หรืออาจเตรียมคงคลังสำรองน้อยเกินไป เนื่องจากไม่ทราบปริมาณสำรองที่เหมาะสม 3 ข้อมูลระยะเวลาส่งมอบ (Lead Time) มีแนวโน้มทั้งด้านการเติมสินค้าเร็วเกินไป หรืออาจเติมสินค้าช้าเกินไป เนื่องจากไม่ทราบระยะเวลาส่งมอบ (Lead Time) ที่ถูกต้อง 4 ข้อมูลพยากรณ์ยอดขาย (Sales Forecast) มีแนวโน้มทั้งด้านการเตรียมสินค้ามากเกินไป หรืออาจเตรียมสินค้าน้อยเกินไป เนื่องจากไม่มีข้อมูลพยากรณ์การใช้หรือการขายที่แม่นยำ 5 ข้อมูลปริมาณเติมสินค้า (Order Quantity) มีแนวโน้มทั้งด้านการเติมสินค้ามากเกินไป หรืออาจเติมสินค้าน้อยเกินไป เนื่องจากไม่ทราบข้อมูลปริมาณการเติมสินค้าที่เหมาะสม นอกจากนี้การวัดประสิทธิภาพการถือครองวัตถุดิบหรือสินค้าคงคลังด้วยมิติของระยะเวลาเป็นการเปรียบเทียบปริมาณการถือครองกับปริมาณการใช้หรือการขาย เรียกว่า Inventory Day of Supply หรือ DOS สามารถคำนวณได้โดยการนำข้อมูลปริมาณการจัดเก็บมาหารด้วยปริมาณการใช้ (ในกรณีวัตถุดิบ) หรือหารด้วยปริมาณการขาย (ในกรณีของสินค้าสำเร็จรูป) ผลลัพธ์ที่ได้จะให้คำตอบว่าปริมาณวัตถุดิบที่มีอยู่พอใช้ได้อีกกี่วัน หรือสินค้าสำเร็จรูปที่มีอยู่พอขายได้อีกกี่วัน สินค้าสำเร็จรูปหรือวัตถุดิบที่จัดเก็บเป็นเวลานานซึ่งสถานประกอบการมักเรียกตามสถานะที่จัดเก็บ เช่น Slow Moving Stock หรือ Dead Stock ขึ้นกับคำจำกัดความของแต่ละแห่ง เช่น บางแห่งกำหนดระยะเวลาเกิน 1 ปี และไม่มีแนวโน้มการขายหรือการใช้อีกจะเรียกว่า Dead Stock หากจัดเก็บมานานเกิน 6 เดือนแต่ไม่เกิน 1 ปี เรียก Slow Moving Stock เป็นต้น คำจำกัดความที่เหมาะสมสำหรับ Slow Moving Stock ควรจะเป็นระยะเวลาที่เกินจากความคาดหวังของการเติมสต็อกเข้ามาในระบบตั้งแต่แรก เช่น การจัดซื้อวัตถุดิบเข้ามามีความคาดหวังว่าวัตถุดิบชุดนั้นควรจะถูกใช้ไปหมดภายในเวลา 3 เดือน ดังนั้นหากเกิน 3 เดือนน่าจะถือได้ว่าเป็น Slow Moving Stock ส่วน Dead Stock ก็คือสต็อกที่มีแนวโน้มว่าจะไม่ได้ขายหรือไม่ได้ใช้อีกต่อไป Slow Moving Stock ที่ไม่ได้รับการแก้ไขหรือจัดการนำไปใช้หรือขายด้วยวิธีพิเศษ จะกลายเป็น Dead Stock ในที่สุด สาเหตุของการเกิดสินค้าคงคลังซึ่งมีระยะเวลาการจัดเก็บนานเกินกว่าที่คาดไว้จนเป็น Slow Moving Stock หรือ Dead Stock อาจมาจากหลายสาเหตุ เช่น - ลูกค้ายกเลิกคำสั่งซื้อ - จัดเตรียมสินค้าซึ่งไม่ตรงกับความต้องการของลูกค้าเนื่องจากการพยากรณ์ผิดพลาด - สินค้าที่ผลิตไม่มีคุณภาพตามมาตรฐาน - การวางแผนโซ่อุปทานไม่มีประสิทธิภาพ การควบคุมระดับคงคลังสำรองและคงคลังรวมไม่เหมาะสม เตรียมไว้มากเกินไป ไม่มีการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่ดี -สินค้าเสียหายหรือมีตำหนิอันเกิดจากปฏิบัติการโลจิสติกส์ ฯลฯ การจัดการปัญหาเกี่ยวกับ Slow Moving Stock หรือ Dead Stock ต้องใช้กระบวนการพิเศษที่เป็นความร่วมมือระหว่างฝ่ายขาย ฝ่ายผลิต ฝ่ายคลัง ฝ่ายบัญชี และฝ่ายที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อขาย หรือนำกลับมาใช้ใหม่ หรือบริจาค หรือทำลายทิ้ง เพื่อจัดการสต็อกดังกล่าวออกจากการถือครอง ในระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพจะต้องประกอบด้วยการวางแผนที่ดีและการควบคุมที่ดีคู่กันไปเสมอ ในกระบวนการวางแผน ได้แก่ การจัดเตรียมสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตร่วมกัน ส่วนการควบคุม ได้แก่ การติดตามดูผลการดำเนินงานว่ายังอยู่ในวิสัยของแผนหรือไม่ มีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแผนหรือไม่ การวางแผนวัตถุดิบ การวางแผนการผลิต การวางแผนสินค้าคงคลัง การวางแผนการจัดส่ง ให้มีความสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า เป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ แผนที่ดีย่อมทำให้มีการเริ่มต้นปฏิบัติงานที่ดี จากนั้นอยู่ที่ประสิทธิภาพการดำเนินงานตลอดทั้งกระบวนการ ได้แก่ การจัดซื้อ การผลิต การเตรียมสินค้าคงคลัง และการจัดส่งสินค้าไปให้ลูกค้า ในระหว่างนี้จะต้องมีการตรวจสอบผลการปฏิบัติงาน ตรวจสอบทุกขั้นตอนว่าเป็นไปตามแผนหรือไม่ เช่น จัดซื้อวัตถุดิบเข้าตามที่กำหนดหรือไม่ ผลการผลิตได้ตามปริมาณและตามเวลาที่กำหนดในแผนหรือไม่ ระดับสินค้าคงคลังที่เตรียมไว้ขายลูกค้าอยู่ในระดับที่กำหนดในแผนหรือไม่ และการจัดส่งสินค้าในขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการโลจิสติกส์ ได้ส่งมอบให้กับลูกค้าตรงเวลาและเต็มจำนวนหรือไม่ กระบวนการตรวจสอบนี้เป็นส่วนหนึ่งของการควบคุมทุกขั้นตอนของการปฏิบัติงาน จำเป็นต้องมีการตรวจสอบข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ ในการติดตามผลการดำเนินงานด้านโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ ข้อมูลสำคัญที่สะท้อนให้เห็นสถานะการดำเนินงานตามความเป็นจริงได้ดีที่สุด คือ สถานะของระดับสินค้าคงคลังในปัจจุบันมีความจำเป็นที่ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องจะต้องติดตามข้อมูลสถานะของระดับคงคลังในปัจจุบันเพื่อประเมินและปรับเปลี่ยนแผนโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดดังนั้นสถานประกอบการต้องให้ความสำคัญกับระบบการติดตามข้อมูลสินค้าคงคลังปัจจุบัน โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยเสริมการจัดการข้อมูลสินค้าคงคลังและพัฒนาระบบจัดการให้ข้อมูลสินค้าคงคลังมีความถูกต้องอยู่เสมอ
06 ส.ค 2564
ขอเชิญบุคลากรของสถานประกอบการเข้าร่วมอบรมหลักสูตร : “CEO Sustainability Supply Chain Strategy"
ขอเชิญบุคลากรของสถานประกอบการเข้าร่วมอบรมหลักสูตร : “CEO Sustainability Supply Chain Strategy"
ขอเชิญบุคลากรของสถานประกอบการเข้าร่วมโครงการดี ประจำปี 2564 เสริมสร้างศักยภาพบุคคลากรด้านการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานในภาคอุตสาหกรรม ในหลักสูตร : "CEO Sustainability Supply Chain Strategy" “สำหรับผู้บริหารและเจ้าของกิจการในภาคอุตสาหกรรมการผลิต และหรือผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์” ⭐️⭐️สิ่งที่จะได้รับหลังการอบรม ⭐️⭐️ ✅ พัฒนาความรู้และทักษะเพื่อประยุกต์ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ Up Skill ภาวะความเป็นผู้นำด้านซัพพลายเชน ✅ ทักษะ ความรู้ความสามารถ สำหรับ CEO ในยุค New Normal กับกลยุทธ์ซัพพลายเชนที่ยั่งยืน ✅ การพัฒนาอย่างยั่งยืน SDGS และการสร้างเศรษฐกิจยั่งยืนตามหลัก UNGC 10 ประการ ✅ แบบจำลองกลยุทธ์การจัดการซัพพลายเชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแบบบูรณาการ ✅กรณีศึกษาและบทเรียนสำคัญเพื่อความอยู่รอดอย่างยั่งยืน ✅ รับใบประกาศนียบัตรจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมเมื่อ อบรมครบตามเงื่อนไขของหลักสูตร พบกับวิทยากร : ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนระดับสากล ดร.กฤษฎ์ ฉันทจิรพร [:รูปแบบกิจกรรมปรับให้สอดคล้องกับมาตรการ COVID-19 ผ่านระบบ ZOOM] ระยะเวลาดำเนินการอบรม 6 วัน : ฝึกอบรมในวันที่ 5 กันยายน 2564 : ช่วงเวลา 09.00 - 16.30 น. : ฝึกอบรมในวันที่ 6 - 9 กันยายน 2564 : ช่วงเวลา 13.00 - 16.30 น. ***ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ตลอดระยะเวลาการอบรม*** สอบถามเพิ่มเติม คุณธีรศักดิ์ โทร. 084-788-4696 สมัครเข้าอบรมสแกน QR CODE จากโปสเตอร์ได้เลย หรือคลิ๊กเลย : https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSe5YluTAjj7Kj_vNEFF8bbflfMcmdYMlD2pL-6MGUXKIaeUTQ/viewform?usp=sf_link
04 ส.ค 2564