การพัฒนาโซ่อุปทานสำหรับ SMEs ผ่านวิธีคิดแบบ SCOR Model


31 พ.ค. 2562    รัตนทัต    27

มงคล  พัชรดำรงกุล

ที่ปรึกษาโครงการสร้างความร่วมมือและการเชื่อมโยงกลุ่มอุตสาหกรรม SMEs

E-Mail :naitakeab@gmail.com, http://naitakeab.blogspot.com

 

          ด้วย SMEs ไทย คือ เครื่องจักรและฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เจริญก้าวหน้า SMEs จึงจำเป็นต้องเรียนรู้ ปรับตัว เพื่อให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้สภาพทางการแข่งขัน และความต้องการของลูกค้าที่มีความผันแปรตลอดเวลา ควบคู่ไปกับเทคโนโลยีเครื่องมือในการดำเนินงานด้านต่างๆ ของโลกได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเข้าสู่ยุค Digital อย่างเต็มรูปแบบ

          หลาย SMEs ไทยเริ่มซึมซับถึงความจำเป็นที่ต้องบริหาร และควบคุมกระบวนการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกันตลอดโซ่อุปทาน หรือ Supply Chain ทั้งผู้ส่งมอบ ผู้ผลิต และลูกค้า โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการสร้างประสิทธิภาพและความสมดุลร่วมกัน (Optimization) ตลอดโซ่อุปทาน

                                             ภาพที่ 1 ขั้นตอนการจัดการโซ่อุปทานตามแบบ SCOR Model

          ตัวแบบสำคัญที่ใช้ในการพัฒนาการจัดการโซ่อุปทานที่สากลนิยมนำมาประยุกต์ใช้ และ SMEs ไทยจำเป็นต้องเรียนรู้ก็คือ SCOR Model ซึ่งให้ความสำคัญกับกระบวนสร้างความเป็นเลิศอย่างเป็นระบบทั้ง 6 กระบวนหลักภายในโซ่อุปทาน คือ Plan Source Make Deliver Return และ Enable โดยมีเป้าหมายให้เกิดประสิทธิผล 5 ด้าน คือ Reliability, Responsiveness, Agility, Cost และ Asset Management Efficiency ดังภาพที่ 2

               ภาพที่ 2 เป้าหมาย 5 ด้าน กระบวนการ 6 อย่าง ในการจัดการโซ่อุปทาน 


          ส่วนแนวทางการพัฒนาปรับปรุงการจัดการโซ่อุปทานอย่างไรให้เหมาะสมและสอดคล้องกับ SMEs นั้น ภายใต้โครงการ “สร้างความร่วมมือและการเชื่อมโยงกลุ่มอุตสาหกรรม SMEs” โดยการสนับสนุนงบประมาณจากกองโลจิสติกส์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้กำหนดกรอบแนวคิดและวิธีการโดยใช้วิธีคิดตามแบบ SCOR Model มาเป็นแนวทางไว้ดังภาพที่ 2 โดยสามารถแบ่งขั้นตอนออกเป็น 4 ส่วนหลักๆ คือ

  1. การวิเคราะห์และจัดทำกลยุทธ์คือ การดำเนินการวิเคราะห์และกำหนดว่ากลยุทธ์ใดสำคัญ โดยจะพิจารณาจากเป้าหมาย 5 ด้านหลัก โดยกลยุทธ์ 3 ด้านแรกมุ่งเน้นให้ความสำคัญต่อลูกค้า คือ Reliability, Responsiveness และ Agility ส่วนกลยุทธ์ที่ 4 และ 5 เป็นกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นด้านประสิทธิภาพการดำเนินการขององค์กร
  2. การคัดเลือกผลิตภัณฑ์และศึกษาทำความเข้าใจโครงสร้างโซ่อุปทานคือ การศึกษาและทำความเข้าใจเพื่อเชื่อมโยงให้เห็นถึงกระบวนการ ผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับโซ่อุปทานของสินค้า ที่ได้รับการคัดเลือกมาพัฒนาโซ่อุปทาน โดยจะมีกิจกรรมสำคัญๆ 4 อย่างคือ 1) การคัดเลือกผลิตภัณฑ์ 2) การจัดทำโครงสร้าง Chain 3) การจัดทำแผนภาพทางภูมิศาสตร์4) การจัดทำรูปแบบความเชื่อมโยงของแต่ละกระบวนการภายใต้ผลิตภัณฑ์ที่ได้คัดเสือก
  3. การวิเคราะห์และประเมินผลกระบวนการ/ขั้นตอนการทำงานคือ การประยุกต์แนวคิดตัวแบบ SCOR ผ่านกลไกการบริหารจัดการ 4P (Performance Process Practice People) โดยการวิเคราะห์ประสิทธิผลจะนำเป้าหมาย 5 ด้าน (Reliability, Responsiveness, Agility, Cost และ Asset Management Efficiency) และกระบวนการ 6 อย่าง (Plan Source Make Deliver Return และ Enable) มาทำการวิเคราะห์ปัญหาและโอกาสพัฒนาปรับปรุงภายใต้โซ่อุปทานของ Product นั้นๆ
  4. การดำเนินการพัฒนาปรับปรุงคือ การนำประเด็นการพัฒนาปรับปรุงที่ได้วิเคราะห์ มากำหนดมาตรการ โดยใช้หลักการปฏิบัติ (Practice) มาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการ รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาบุคลากร (People) เพื่อให้มีศักยภาพในการใช้หลักปฏิบัติ และพัฒนาวิธีการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรูปแบบของการปรับปรุงสามารถดำเนินการได้ 4 ลักษณะ คือ
  5. การปรับปรุงเฉพาะตัวองค์กร (Company)
  6. การปรับปรุงร่วมกันกับผู้ส่งมอบ (Supplier)
  7. การปรับปรุงร่วมกันกับลูกค้า (Customer)
  8. การปรับปรุงร่วมกันกันทั้งโซ่อุปทาน (Supply Chain)

          สรุปได้ว่า การพัฒนาโซ่อุปทานสำหรับ SMEs โดยใช้ SCOR Model จะเป็นการสร้างและพัฒนาเครือข่ายในระบบโซ่อุปทานให้เป็นไปอย่างยั่งยืน